เลือดออกทางช่องคลอด
โดยทั่วไปสาเหตุของการมีเลือดออกทางช่องคลอดในระยะ 7 เดือนแรกของการตั้งครรภ์มักเกี่ยวข้องกับการแท้ง ถ้าตั้งครรภ์เกิน 6 เดือน หรือ ใกล้ๆ คลอด ซึ่งมักจะเกิดจากการเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด หรืออาจเกิดจากสาเหตุย่อยๆ ได้แก่ เลือดออกจากแผลที่ปากมดลูก หรือเลือดออกจากเส้นเลือดขอดที่ผนังช่องคลอด
ปวดท้อง
ถ้ามีอาการปวดท้องมาก ปวดบีบแรงๆ ก็อาจเกิดจากการแท้ง ปวดท้องมากข้างใดข้างหนึ่ง หรือปวดท้องจนเป็นลม หน้าซีด อาจเกิดจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก จึงควรพบแพทย์ตรวจหาสาเหตุ
ใบหน้าบวม นิ้วมือ – เท้าบวม หรือบวมทั้งตัว
หากมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย หรือแน่นอึดอัดในระยะ 2 – 3 เดือนก่อนคลอดอาจเป็นอาการของโรคแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์โรคหนึ่งที่เรียกว่า “ครรภ์เป็นพิษ”
อาเจียนมากและนาน
คุณแม่ที่มีอาการอาเจียนไม่หยุด อาเจียนตลอดเวลาไม่สามารถรับประทานอาหารได้จึงควรรีบไปพบแพทย์
มีไข้สูงหนาวสั่น
อาการไข้สูงและหนาวสั่นนั่นอาจเกิดจากกรวยไตอักเสบจะมีอันตรายมากถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะอาจจะทำให้คุณแม่คลอดก่อนกำหนดได้
ปัสสาวะแสบขัด
ปวดปัสสาวะมากแต่ปัสสาวะออกน้อย หรือออกเพียงไม่กี่หยด หรือปัสสาวะหมดแล้วก็ยังปวดอยู่ รวมทั้งปวดปัสสาวะตลอดเวลาอาจเกิดจากทางเดินปัสสาวะอักเสบ
มีน้ำคร่ำไหลออกมากจากทางช่องคลอด
แสดงถึงภาวะที่ถุงน้ำที่ห่อหุ้มตัวลูกแตกหรือรั่ว คุณแม่ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันทีไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม ดึกดื่นหรือวันหยุดก็ต้องไปถ้ารอช้าทิ้งไว้หลายวันเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดจะลุกลามเข้าสู่โพรงมดลูก ก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงซึ่งจะเป็นอันตรายทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์
ลูกดิ้นน้อยลงหรือไม่ดิ้นเลย
การดิ้นเป็นตัวบ่งสภาพของลูกในครรภ์ที่คุณแม่รู้สึกได้ตั้งแต่ 4-5 เดือน คุณแม่จะต้องหมั่นนับและสังเกตอาการดิ้นของลูกอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะเมื่ออายุครรภ์ 7 เดือนไปแล้ว ถ้าสงสัยให้นับดูว่า ลูกในครรภ์ดิ้นถึง 10 ครั้งหรือไม่ ถ้าน้อยกว่า 10 ครั้ง ในหนึ่งวันถือว่าดิ้นน้อยลงต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุโดยเร็ว
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ
อุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ลื่นไถล ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่ส่งผลกระทบกับลูกน้อยมากนักเพราะตัวเด็กจะมีมดลูกและน้ำคร่ำห่อหุ้มตัวเป็นอย่างดี แต่ถ้าถูกกระทบกระแทกบริเวณหน้าท้องอย่างรุนแรง อาจจะทำให้รกลอกตัวก่อนกำหนด หรือถุงน้ำคร่ำอาจแตกหรือรั่วได้ซึ่งจะเป็นอันตรายได้ทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์ จึงควรรีบไปพบแพทย์
การเอาใจใส่ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นนับเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยประคับประคองชีวิตลูกน้อย และเพื่อเป็นการดูแลความปลอดภัยของคุณแม่เองด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ศูนย์สูติ-นรีเวช และผู้มีบุตรยาก
โทร. (034) 417-999 ต่อ 221, 222 สายด่วน 1715