คลินิกฝังเข็ม | โรงพยาบาลเอกชัย

ตรวจรักษาโดยแพทย์แผนจีนเฉพาะทาง จากประเทศจีน

แพทย์แผนจีน ศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพ ทีมีประวัติศาสตร์สืบทอดนานนับพันปี ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากล ใช้ในการรักษาร่วมกับแผนปัจจุบันอย่างได้ผลดี โดยมีศาสตร์หลายแขนง ได้แก่

การฝังเข็ม เป็นวิธีการนำเอาเข็มที่มีขนาดเล็ก ฝังลงจุดลมปราณต่างๆ บนร่างกาย ตามหลักการรักษาของแพทย์แผนจีน ซึ่งจุดฝังเข็มนั้นมีหลายร้อยจุดอยู่ตามตำแหน่งของร่างกาย เช่นศรีษะ ใบหน้า หน้าท้อง บริเวณหลัง และส่วนอื่นๆ ซึ่งจัส่งผลการรักษาที่แตกต่างกันไป ผู้ที่ได้รับการฝังเข็มจะไม่รู้สึกเจ็บเนื่องจากเข็มมีขนาดเล็กมากและมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากฝังเข็มโรงพยาบาลเอกชัยใช้เข็มแบบครั้งเดียวทิ้งทันทีไม่นำกลับมาใช้ใหม่

จุดมุ่งหมายในการฝังเข็ม

ปรับกลไกการทำงานของอวัยวะของร่างกายให้สมดุล เพื่อให้อวัยวะระบบต่างๆ กลับมาทำงานเป็นปกติ
ยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
ปรับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
คลายกล้ามเนื้อที่เกร็ง
ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเฉพาะจุด หรือทั่วร่างกาย

โรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการฝังเข็ม

อาการต่าง ๆ เช่น ปวดหลัง ปวดเอว ปวดขา ปวดเข่า ปวดต้นคอ ปวดประจำเดือน
ไมเกรน ปวดศรีษะ เวียนหัว นอนไม่หลับ เครียด
อัลไซเมอร์ หลงลืม
อัมพฤกษ์ อัมพาต อ่อนแรง พาร์กินสัน ชาปลายมือ, ปลายมือ
โรคผู้สูงอายุ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ท้องผูก ปวดท้องเรื้อรัง ลมในกระเพาะ
ภูมิแพ้ หอบหืด
เพื่อความงาม รักษาสิว ฝ้า ลดเฉพาะส่วนและลดน้ำหนัก
ปลูกผม
สมรรถภาพทางเพศ
เพิ่มความสูง

ข้อห้ามในการฝังเข็ม

สตรีมีครรภ์
โรคมะเร็งที่ยังไม่ได้รับการรักษา
แผลผุพอง มีหนอง ติดเชื้อรุนแรง

ศาสตร์แพทย์แผนจีนที่ให้บริการ

การฝังเข็ม กับแพทย์แผนปัจจุบัน

การฝังเข็มจะเป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันนั้นนิยมนำไปใช่เพื่อช่วยฟื้นฟูดูแล และรักษาสุขภาพของคนไข้ เป็นอีกทางเลือกหนุ่งซึ่งเหมาะสมกับผู้ที่ไม่สามารถทานยาเคมีหรือบุคคลที่ต้องการหลีกเลี่ยงการทานยาเคมี โดยการฝังเข็มลงไปในแต่ละจุดนั้นจะสะท้อนถึงอวัยวะภายในร่างกายให้ได้รับการกระตุ้นช่วยให้เกิดความสมดุลภายในอวัยวะ ก่อเกิดภูมิต้านทานเพื่อรักษาโรคต่างๆตามธรรมชาติ ตามหลักการของการรักษาแบบแพทย์แผนจีน ซึ่งให้ความสำคัญต่อการสร้างระบบภูมิต้านทานให้แข็งแรง เพื่อป้องกันโรคก่อนที่จะเกิดโรค ดังนั้น การฝังเข็มจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมการดูแลและป้องกันสุขภาพอย่างยั่งยืน

การจับชีพจร หรือ แมะ (pulse diagnosis )

เป็น 1ใน 4 ของวิธีการตรวจวินิจฉัยโรคของแพทย์แผนจีน ซึ่งประกอบด้วย 1) การมอง 2) การดมและการฟัง 3) การถาม และ 4) การคลำ โดยแพทย์จะใช้ทั้งหมด เพื่อวินิจฉัยโรคให้ได้ผลการตรวจที่ถูกต้องและแม่นยำที่สุด

ทุยหนา (Tui Na) และ จัดกระดูก (Chiropractic)

เป็นการนวดบนจุดต่างๆ ของร่างกาย หรือขยับร่างกายบางส่วนในการป้องกัน รักษาโรค และบำรุงสุขภาพ โดยจะใช้มือเป็นหลีกในการบีบ การคลึง การยืดเหยียด การดึง การดัด เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่สะดวกและทำง่าย ไม่ต้องรับประทานยา มีผลข้างเคียงน้อย โดยผู้นวดต้องให้แรงนวดให้สม่ำเสมอ มีพลังละมุนและลุ่มลึก เพื่อกระตุ้นให้เส้นเลือดลมฟื้นฟู ให้มีการทำงานที่เป็นปกติ ช่วยป้องกันและรักษาโรคได้ โดยโรคที่เหมาะกับการนวดทุยหนา ได้แก่ ไมเกรน ปวดหัว ปวดต้นคอ ปวดเอว ปวดเข่า ไหล่ติด หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นต้น

กัวซา (Gua Sa Therapy)

มาจากคำว่า กัว-การขูด และซา-รอยจ้ำสีแดงบริเวณผิว โดยการขูดกัวซาเป็นการเปิดรูขุมขน ซึ่งจะช่วยระบายพิษให้ถูกขับออกทางผิวหนังได้ เช่นเดียวกับกลไกการขับเหงื่อ สามารถทำได้บ่อย ไม่จำกัดเพศและอายุ

ครอบแก้ว (Cupping Therapy)

ช่วยผลักดันให้เกิดการไหลเวียนของเลือดและลมปราณ ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดและขจัดความเย็นชื่นในร่างกาย โดยวัตถุประสงค์ของการครอบ ก็เพื่อการบำรุง การรักษา และโดยเฉพาะ การใช้ร่วมกับการฝังเข็ม จะทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้น

รมยา (Moxibustion)

เป็นวิธีการรักษาอย่างหนึ่งในแพทย์แผนจีน เพื่อปรับสมดุลหยินหยาง บำรุงพลังชี่และขจัดพิษภายในร่างกาย,กระตุ้นการไหลเวียนของพลังและเส้นลมปราณ โดยการใช้สมุนไพรจีนที่บดแห้ง(โกฐจุฬาลำพา)และอัดเป็นแท่ง แล้วใช้ไฟจุดที่แท่งสมุนไพร อาจจะรมโดยตรงหรือ รมผ่านขิง กระเทียม เกลือหรือผ่านเข็ม โดยการนำโกฐวางบนปลายเข็มแล้วจุดไฟ ความร้อนที่พอดีจะส่งผ่านเข็มช่วยอบอุ่นเส้นลมปราณ ขับความเย็นและความชื้นในร่างกาย ช่วยไหลเวียนของชี่และเลือดสะดวก บรรเทาอาการปวด ปรับสมดุลร่างกาย บำรุงร่างกาย เหมาะกับการรักษาโรค ปวดแขน ขา บ่า ไหล่ เข่า อาการชา อ่อนแรง เวียนหัวบ้านหมุน ปรับสมดุลร่างกาย ขจัดความเย็นและความชื้น รวมไปถึงช่วยในเรื่องความงาม และการดูแลสุขภาพ