เยื่อบุโพรงมดลูก หนึ่งส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในการตั้งครรภ์?

เยื่อบุโพรงมดลูกเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการตั้งครรภ์ เพราะเป็นตำแหน่งที่ตัวอ่อนจะมีเข้าไปฝังตัวซึ่งโดยปกติเยื่อบุโพรงมดลูกของแต่ละคนจะมีความหนาไม่เท่ากัน โดยเยื่อบุโพรงมดลูกที่ดี ที่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อนนั้นควรมีความหนาประมาณ 8 – 12 มิลลิเมตร มีการเรียงตัวของผนังมดลูกที่สวย ผิวเรียบและเห็นเส้นกลางชัดเจน ดังนั้นการเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกให้พร้อมก่อนเข้าสู่กระบวนการย้ายตัวอ่อน ในขั้นตอนของการทำเด็กหลอดแก้วจะช่วยเพิ่มโอกาสการฝังตัวของตัวอ่อนมากขึ้น และทำให้เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์อีกด้วย

ERA TEST คืออะไร ?

ERA TEST (Endometrial Receptivity Analysis) คือการตรวจเพื่อประเมินความพร้อมของผนังมดลูกโดยละเอียดถึงระดับยีน (Gene Expression) เพื่อเตรียมความพร้อมของผนังมดลูกในการรับการฝังตัวของตัวอ่อน เปรียบเสมือนการซ้อมการย้ายตัวอ่อน อีกทั้งยังช่วยวางแผนและหาเวลาที่เหมาะสมในการย้ายตัวอ่อน ลดปัญหาตัวอ่อนไม่ฝังตัว อันเป็นการเพิ่มโอกาสสำเร็จในการฝังตัวมากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนในการทำ ERA TEST

  • ผู้เข้ารับการตรวจจะต้องรับประทานยาหรือฉีดยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก หลังจากนั้นแพทย์จะทำการอัลตราซาวนด์และตรวจเลือดเพื่อติดตามการตอบสนองของร่างกายต่อยา
  • ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจวิเคราะห์การแสดงของพันธุกรรม เพื่อประเมินว่าเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกพร้อมต่อการฝังตัวหรือไม่
  • การตรวจจะสามารถระบุระยะเวลาการให้ยาโปรเจนสตอโรนที่เหมาะสมกับการใส่ตัวอ่อน และย้ายตัวอ่อนในช่วงที่ผนังมดลูกพร้อมรับการฝังตัว
  • ข้อดีของตรวจความพร้อมเยื่อบุผนังมดลูก ด้วย ERA TEST
  • การใส่ตัวอ่อนในช่วงที่มดลูกมีความพร้อมมากที่สุด (personalized embryo transfer) จะส่งผลให้มีโอกาสตั้งครรภ์ที่สูงขึ้น และลดการสูญเสียตัวอ่อนดีๆ จากการที่ตัวอ่อนไม่ฝังตัว
  • ช่วงที่ตัวอ่อนฝังตัวได้ดีของผู้หญิงแต่ละคนมีเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งโดยทั่วไปสำหรับการทำเด็กหลอดแก้วจะเป็นวันที่ 5 ของการให้ฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน
  • ประมาณ 40% ของผู้หญิงมีช่วงที่ตัวอ่อนฝังตัวได้ดี ก่อนหรือหลังวันที่ 5 ของการให้ฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน
  • ในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วที่มีการตรวจเยื่อบุโพรงมดลูก หรือ ERA TEST นี้ จะมีอัตราการตั้งครรภ์สูงถึง 72.5%
  • สัดส่วนผลการตั้งครรภ์ของผู้หญิงกลุ่มที่มีการตรวจความพร้อมเยื่อบุผนังมดลูกสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ตรวจ

ใครบ้างควรตรวจ ERA TEST?

  • คนที่เคยย้ายตัวอ่อนที่มีคุณภาพดี และผนังมดลูกปกติแต่ก็ยังไม่ตั้งครรภ์
  • คนที่มีตัวอ่อนจำนวนน้อย จึงต้องวางแผน และเตรียมพร้อมให้ดีที่สุด เพื่อใช้ตัวอ่อนอย่างคุ้มค่า

ความต้องการความสำเร็จในการตั้งครรภ์ เป็นสิ่งที่ครอบครัวที่มุ่งหน้าใช้การทำ IVFทั้งนี้การเตรียมความพร้อมในทุกปัจจัยให้ดีที่สุด จะยิ่งส่งผลต่อการสำเร็จได้ โดยการตรวจ ERA TEST จะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ ได้มากกว่าการย้ายตัวอ่อนด้วยวิธีปกติ แต่อย่างไรก็ตาม การตรวจ ERA TEST ก็ไม่ได้มีความจำเป็นสำหรับทุกคน ทั้งนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ให้คำแนะนำ โดยพิจารณาจากความเหมาะสม เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด

ข้อมูลโดย : ศูนย์สูติ-นรีเวช และผู้มีบุตรยาก

โทร. (034) 417-999 ต่อ 221, 222 สายด่วน 1715