โรคของดวงตาที่ดูจากตาภายนอกเหมือนคนปกติทั่วไป มีสาเหตุจากเซลล์ และใยประสาทภายในลูกตาได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ ทำให้เซลล์และใยประสาทตาค่อยๆ ขาดเลือด และตายไปเรื่อยๆ จนผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว จะทราบก็ต่อเมื่อสายตาใกล้บอดเสียแล้ว นับวันจะพบผู้ป่วยโรคนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ประชากร 70 ล้านคนทั่วโลก กำลังป่วยด้วยโรคนี้ และ 10%ของผู้ป่วยโรคนี้ ตาบอกแล้วทั้งสองข้าง (ตาบอดตาใส) ศูนย์วิจัยโรคต้อหินทั่วโลกในขณะนี้กำลังขมักเขม่นทุ่มทุนมหาศาลทำการวิจัย เพื่อหาหนทางรักษาโรคต้อหิน ให้หายขาด ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคต้อหินเรื้อรัง ประมาณ 2% ของประชากร และผู้ป่วยเหล่านี้ประมาณ 1.4 แสนคนตาบอดหรือใกล้บอดสาเหตุของโรคต้อหิน เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างการใช้สายตา(Demand) และปริมาณเลือดที่เข้ามาเลี้ยงเซลล์ประสาทภายในลูกตา(Supply) ทำให้เซลล์ประสาทตาได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ และค่อยๆทยอยเฉาตายลงไปเรื่อยๆ หากมีความดันลูกตาที่สูงกว่าปกติร่วมด้วยแม้เป็นเพียงสาเหตุรองก็ สามารถต้านการไหลเวียนเลือดที่จะเข้าในตาได้ ทำให้ภาวะขาดเลือดดังกล่าวเลวร้ายลงอีก ในปัจจุบันพอผู้ป่วยโรคต้อหินอายุน้อยลงเรื่อยๆ (จากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน การเล่นเกมส์ และใช้อินเตอร์เน็ต) และเป็นกลุ่มของโรคต้อหินที่ไม่จำเป็นต้องมีค่าความดันลูกตาสูง
ลักษณะอาการ ของโรคต้อหิน
มีความสำคัญในการช่วยให้ผู้ป่วยรู้ตัวว่า กำลังเป็นหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต้อหิน และนำผู้ป่วยให้ไปพบจักษุแพทย์ทำให้ได้รับการวินิจฉัยโรคได้เร็วขึ้น ก่อนที่จะเกิดตาบอดอย่างถาวร
อาการของโรคต้อหิน มีอะไรบ้าง
ตาพร่า ตามัว เวียนศรีษะ คลื่นไส้อาเจียน เห็นภาพเบลอซ้อน หรือตามึดบอดชั่วขณะหนึ่ง
- เห็นจุดแสง ดำ-ขาว เต็มไปหมด หรือเห็นเป็นแสงระยิบระยับเมื่อมองไปกลางแดด
- ปวดในเบ้าตาลึกๆ และปวดศรีษะข้างเดียวคล้ายไมเกรน หรือกปวดจี๊ดขึ้นสมอง
- ตรวจพบว่า มีสายตาสั้นขึ้นมาทันที และสายาขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอน
- ตาจะพร่า เมื่อมองวัตถุบนพื้นที่มีแสงจัด หรือบนพื้นที่มันวาว
- อ่านหนังสือไม่ทน ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือดูโทรทัศน์ได้ไม่นาน
- เห็นดวงไฟฟมีแสงเจิดจ้า มีรัศมีกระจาย เห็นเป็นฝ้าหมอก หรือวงสีรุ้งรอบดวงไฟ
- เห็นแสงวาาบคล้ายฟ้าแลบ หรือเห็นลำแสงวิ่งผ่านตา หรือเห็นเป็นเส้นหยักๆที่หางตา
- มีความลำบากในการสังเกตุพื้นที่ต่างระดับ เวลาก้าวเดิน หรือเวลลาขึ้นลงบันได
- เห็นสีจืดจางลง หรือผิดเพี้ยนไป เห็นตัวหนังสือเลือนราง หรือแตตกพร่า
- การมองในที่มึดแย่ เห็นหน้าคนไม่ชัด และไม่กล้าขับรถในเวลากลางคืน
- เวลาขับรถลงอุโมงค์ลอดทางแยก หรือเดินเข้าที่ร่มในเวลาแดดจัดตาจะมึดบอดชั่วขณะ
- เวลามองผ่านกระจกหน้ารถในทิศทางย้อนแสงอาทิตย์ ตาจะพร่าและสู้แสงไม่่ค่อยได้
- เวลากลางคืน มักจะเดินชนข้าวของเป็นประจำ ชอบที่จะเปิดไฟทุกดวงเท่าทีมี
- มองสิ่งที่เคลื่อนที่เร็วๆไม่ทัน ทำให้ไม่มั่นใจเวลาขับรถหรือเดินข้ามถนนคนเดียว
- ตาสู้แสงไม่ได้ ต้องใส่แว่นดำประจำ
- เห็นแสงมืดลงไปเรื่อยๆ หรือเห็นเป็นหมอกควันอยู่ทั่วๆ ไป
- ลานสายตาแคบเข้ามาเรื่อยๆ จนระยะท้ายเหมือนมองผ่านท่อกลม
การวินิจฉัย
ด้วยการดูโครงสร้างของขั้วประสาทตาโดยการขยายม่านตาถ้าพบว่าขั้วประสาทตาฝ่อเป็นลักษณะรูปถ้วย ขนาดตั้งแต่ 50% ขึ้นไป ไม่ว่าความดันลูกตาจะปกติหรือ ผิดปกติก็ตาม ถือว่าเป็นโรคต้อหินเรื้อรัง
การรักษา
ปัจจุบันการรักษาโรคต้อหินที่ใช้กันอยู่ทั่วไป มีอยู่ 3 วิธีคือ
- การใช้ยาลดความดันลูกตา
- การยิงเลเซอร์เพื่อลดความดันลูกตา
- การผ่าตัดเพื่อลดความดันลูกตา
- แต่ทางโรงพยาบาลเอกชัยมีนวัตกรรมใหม่เป็นวิธีที่ 4 คือ การรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine)เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดเข้าไปในลูกตา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์จักษุครบวงจร ชั้น 2 โรงพยาบาลเอกชัย โทร. 1715 หรือ 034-417-999 ต่อ 277, 278