1. โรคไอกรน เป็นโรคโบราณ เกิดมานานมากแล้ว ที่เรียกไอกรน เพราะผู้ที่เป็นจะมีอาการไอต่อเนื่องติดกันจนหายใจไม่ทัน จึงหยุดไอ พร้อมกับเสียงเมื่อหายใจเข้าลึกๆ เป็นเสียงวู้ป จึงเรียกว่า “ไอกรน” บางครั้งอาจเรื้อรังนาน 2-3 เดือน
  2. ติดต่อกันได้ง่าย จากการไอหรือจามรดกันโดยตรง ผู้สัมผัสโรคที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน จะติดเชื้อและเกิดโรคเกือบทุกราย พบได้ในทุกช่วงอายุแต่พบบ่อยในเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และผู้สูงอายุ ในผู้ใหญ่ที่ภูมิคุ้มกันดีอาจมีอาการไม่มากแต่สามารถเป็นพาหะได้
  3. โรคไอกรน มักรุนแรงในทารก เนื่องจากช่วงแรกเกิด – 2 เดือน จะยังไม่มีภูมิ และเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีที่ไม่เคยได้รับวัคซีน ส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิตสูง
  4. วัคซีนไอกรน เป็นวัคซีนที่นำมาฉีดในประเทศไทยกว่า 50 ปีแล้ว โดยในเด็กส่วนใหญ่ปัจจุบัน จะได้รับวัคซีนครบแล้ว  5 เข็ม ซึ่งฉีดตั้งแต่ 2 เดือน จนถึงอายุ 4 ปีเพราะบรรจุอยู่ในรายการวัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็ก ทั้งนี้ ก่อนที่เด็กจะได้รับวัคซีนจะไม่มีภูมิจึงเป็นข้อควรระวังที่ครอบครัวควรดูแล
  5. ภูมิที่เกิดหลังรับวัคซีนจะลดลง เมื่ออายุมากขึ้น โดยจากการสำรวจพบว่าจะเหลือประมาณ 50% ในช่วงวัยรุ่น จึงแนะนำให้มีการฉีดกระตุ้นเพิ่มเติมได้ตอนช่วงอายุ 10-12 ปี และผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ที่มีความเสี่ยง โดยสามารถฉีดกระตุ้นได้ทุก 10 ปี เป็นวัคซีนรวม คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก และกรณีสตรีตั้งครรภ์ อาจจำเป็นต้องได้รับวัคซีนด้วย เพื่อเพิ่มภูมิให้กับทารกในครรภ์ แต่กรณีผู้สูงอายุ อาจต้องได้รับคำแนะนำก่อนการฉีด เพราะบางรายอาจไม่เคยได้รับวัคซีนใดๆ มาก่อน จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำเพิ่มเติม
  6. โรคไอกรน เป็นโรคทางเดินหายใจ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สามารถตรวจจากน้ำมูกและสารคัดหลั่งที่เยื่อบุโพรงจมูก หรือจากการเพาะเชื้อ ซึ่งอาจไม่ได้ทำได้ทุกที่ และการเพาะเชื้ออาจใช้เวลานาน อีกวิธีการหนึ่งคือการตรวจเลือด จะจบลักษณะเม็ดเลือดขาวที่สูงกว่าปกติและมีเม็ดเลือดขาวชนิด Lymphocyte สูง
  7. การรักษา รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ 14 วัน ซึ่งมักจะได้ผลดีถ้าเริ่มรักษาในช่วงระยะแรกๆของการเกิดอาการ หรือในช่วง 2 สัปดาห์แรก นอกจากนี้มักเป็นการรักษาตามอาการ ให้เด็กได้พักผ่อน ดื่มน้ำอุ่น อยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีหลีกเลี่ยงสาเหตุที่จะทำให้เด็กไอมากขึ้น เช่น การออกแรง ฝุ่นละออง ควันไฟควันบุหรี่ อากาศที่ร้อนหรือเย็นจัดเกินไป และให้ยาปฎิชีวนะในช่วงแรกที่มีอาการ จะช่วยบรรเทาอาการได้มาก
  8. การป้องกันที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน และดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ล้างมือบ่อยๆ ปิดปากเวลาไอหรือจาม และ หลีกเลี่ยงคนป่วย
  9. แนะนำกรณีพบความผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย และทำการรักษาโดยเร็ว จะเป็นการบรรเทาอาการได้ตรงจุด

วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บอดทะยัก (Tdap)

ราคา 1,148 บาท

*ราคาดังกล่าวไม่รวมค่าแพทย์ค่าบริการ

สอบถามและนัดหมาย ศูนย์เด็กสุขภาพดี โทร.(034) 417-999 ต่อ 9211